เดือน: กุมภาพันธ์ 2013

พอกหน้าด้วยผักกาดหอม

ผักกาดหอม

หลายท่านเมื่ออ่านหัวข้อของบทความเราแล้วอาจคิดว่า ผักกาดหอมเนี่ยนะนำมาพอกหน้า เราของบอกว่าจริงค่ะ เพียงแต่ต้องเพิ่มส่วนผสมลงไปอีกเล็กน้อย ผักกาดหอมก็รู็จักกันทั่วไปในนามของผักสลัดนั่นเองค่ะ หรือเป็นที่นิยมนำไปจัดจานหรือนำไปเป็นผักแนมในอาหารต่างๆ

ผักกาดหอมนั้นมีลักษณะกรอบ หวาน อยู่ในตระกูลพืชที่มีลำต้นเตี้ย ส่วนที่เจริญเติบโตดีที่สุดคือใบ นอกจากความอร่อยแล้ว ผักกาดหอมยังอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน ซึ่งมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโต ช่วยบำรุงดวงตา อีกทั้งยังมีส่วนช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระอีกต่างหาก สาวๆเห็นอย่างนี้แล้วใครที่ไม่ชอบทานผัก ก็ลองหันมารับประทานดูนะคะ เพื่อความอ่อนเยาว์ของใบหน้าและผิวพรรณ

สูตรพอกหน้าด้วยผักกาดหอม

เริ่มจากนำผักกาดหอมมาล้างให้สะอาด และหั่นเป็นท่อนๆ เราจะใช้ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ บดให้ละเอียดจากนั้นนำมาผสมในนมสด 2 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน แล้วจึงเติมน้ำผึ้งแท้ลงไป 1 ช้อนชา คนให้เข้ากันอีกทีเป็นอันใช้ได้

ในการพอกหน้าด้วยผักกาดหอมนี้ จะช่วยทำให้ผิวหน้าของคุณผ่อนคลาย ขาว ใส ช่วสยทำให้คุณรู้สึกสดชื่น สบายผิวหน้า เย็น ผ่อนคลาย อีกทั้งยังช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้น สดใส อยู่เสมอ

ชั้นของมดลูก

มดลูก

ถ้าเราทำการแบ่งชั้นของมดลูกออกเป็นชั้น คล้ายการแบ่งชั้นของผิวหนัง เราจะสามารถแบ่งชั้นของมดลูก ได้ทั้งหมด 3 ชั้น คือ

 1.  ชั้นนอกสุด   – ในชั้นนอกสุกของมดลูกนี้จะมีลักษณะเป็นผิวบางๆคลุมมดลูกอยู่ เปรียบเสมือนกับผิวหนังที่คอยปกคลุมร่างกาย ซึ่งนในชั้นนอกสุดของมดลูกนี้เป็นบริเวณที่สามารถเกิดมดลูกได้ ขนาดของก้อนเนื้องอกนั้นสามารถมีขนาดใหญ่ได้ถึงลูกฟุตบอลเลยก็ได้ แต่เนื้องอกชนิดนี้ส่วนใหญ่จะไม่มีอันตราย แต่เวลาที่เกิดการบิดขั้วของใดลูกขั้นมาก็ก่อให้เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงได้

2. ชั้นกล้ามเนื้อ  –  ชั้นนี้เป็ยชั้นที่เป็นส่วนประกอบหลักหรือส่วนประกอบส่วนใหญ่ของมดลูกเลย ความหนาข้องชั้นนี้จะอยู่ที่ประมาณ  1.5 – 2.5 เซนติเมตร กล้ามเนื้อในชั้นนี้จะเป็นกล้ามเนื้อลาย ในลักษณะของกล้ามเนื้อนั้นธรรมชาติสร้างมาให้สามารถห้ามเลือดบาดแผลที่รกมาเกาะได้

3.  ชั้นเยื่อบุโพรงมดลูก   –  ชั้นนี้จะเป็นชั้นที่อยู่ด้านในสุดของมดลูก มีลักษณะเป็นสีชมพูหรือแดงอ่อนๆ มีผิวเรียบและนุ่ม  แบ่งออกได้อีก 2 ชั้นคือ ชั้นบนสุด ในชั้นนี้จะเป็นชั้นที่มีการหลุดลอกของผนังมดลูกที่จะไหลออกมาเป็นประจำเดือน และชั้นล่างสุด เป็นชั้นที่ถ้ามีการทำแท้งเถื่อนจะไม่สามารถมีลูกได้ถ้าผนังมดลูดลูกถูกทำลายลึกจนเกินไป

มดลูกอักเสบ

มดลูกอักเสบ

 

 

โรคมดลูกอักเสบนั้น เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื่อที่มดลูก หรือ การติดเชื้อที่อวัยวะสืบพันธุ์ เช่น ที่บริเวณช่องคลอด ท่อนำไข ปากมดลูก แล้วอาการก็ลุกลามไปยังมดลูก หรืออาจติดเชื่อในกระแสเลือดแล้วลุกลามไปยังมดลูก ก็เป็นได้

สาเหตุที่ทำให้มดลูกอักเสบ

สาเหตุที่ทำให้มดลูกอักเสบอันดับต้นๆก็คือ การเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคหนองใน  ฝีมะม่วง เชื้อรา การติดเชื้อหลังแท้งลูก หรือหลังคลอด ที่พบได้ไม่บ่อยก็อาจเกิดจาก การติดเชื้อวัณโรค หรือ เชื้อไวรัส

อาการของโรคมดลูกอักเสบ

  1. มีอาการปวดท้องหลังจากที่ประจำเดือนในแต่ละเดือนหมดไป ความรู้สึกว่าปวดนั้น จะค่อยๆปวด ไม่ปวดแบบกะทันหัน เมื่อปวดมากจะปวดบริเวณสองข้างท้องน้อย ซึ่งเวลาทำกิจกรรมบางอย่างก็อาจจะปวดมากขึ้น
  2. มีประจำเดือนกะปริบกะปรอย หรือ มีอาการตกเลือด
  3. มีตกขาวเป็นหนองไหลออกมาจากช่องคลอด มีกลิ่นเหม็น  เวลาปัสสาวะจะรู้สึก ปวดๆ ขัดๆ
  4. คลื่นไส้อาเจียน ปวดหลัง มีไข้

ผู้ที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคมดลูกอักเสบ

  1. มีคู่นอนมากกว่า 1 คน
  2. รับประทานยาคุมกำเนิด
  3. ไม่ใช้ถุงยางอนามัย
  4. อายุน้อยกว่า 25 ปี
  5. มีเพศสัมพันธุ์เมื่ออายุน้อยๆ