ป้ายกำกับ: วิตามินซี

ล้างพิษด้วยผักผลไม้ไทย 10 ชนิด

1. ผักผลไม้ที่มีสีม่วงอมแดง  ซึ่งจะมีวิตามินช่วยล้างพิษที่มีพลังมากกว่าวิตามินซีและวิตามินอี ถึง 10 เท่า อีกทั้งผักผลไม่บ้านเราก็ยังมีราคาถูกอีกด้วย ผักผลไม่อย่างอื่นนอกจากทับทิมคือ  ลูกหว้า มะเขือม่วง ลูกหม่อน เป็นต้น

2. กระเทียม สำหรับใครที่ชอบรับประทานกระเทียมเพราะข้าวขาหมูเตรียมเฮได้ดังๆเลยค่ะ เพราะกระเทียมช่วยลดไขมันได้ดีเลยทีเดียวยิ่งถ้ากินสดๆจะได้ผลดียิ่งขึ้นอีก ซึ่งมีเคล็ดลับอยู่ว่า “ยิ่งกลิ่นแรงยิ่งดี”

3. มะรุม มะรุมมีประโยชน์ทุกๆส่วนตั้งแต่ ฝัก ใบ เปลือก เมล็ด ซึ่งมีส่วนช่วยป้องกันมะเร็ง ช่วยชะลอความชรา ป้องกันหลอดเลือดตีบ บำรุงสุขภาพ

4. มะเขือเทศ ในมะเขือเทศมี “ไลโคปิน” เป็นสารป้องกันมะเร็ง จัดได้ว่ามะเขือเทศเป็นแหล่งรวมของวิตามินสารพัดนึก เมนูไทยๆก็อย่างเช่น น้ำพริกอ่อง สมตำ หรือมะเขือเทศสดๆเลย

5. เห็ด  บ้านเราเป็นแหล่งเห็ดชั้นดี ไม่ว่าจะเป็น เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดเผาะ เห็ดหอม ซึ่งเห็ดจะอุดมไปด้วยวิตามินและเส้นใยช่วยล้างพิษที่ตกค้างในร่างกาย

6. มะม่วง แต่ขอให้เป็นมะมวงสุกเหลืองอร่าม โดยเฉพาะมะม่วงน้ำดอกไม้ ซึ่งมีปริมานเบต้าแคลโรที ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้ผิวสวย ผิวขาว ช่วยป้องกันการขาดสารอาหารได้

7. ผักคะน้า เป็นผักที่รวมวิตามิน อร่อย ถูก หารับประทานได้ตลอด ซึ่งมีวิตามินคล้ายๆในบล็อคโคลี่ ราคาแพงนั่นเอง ซึ่งจะช่วยล้างพิษ ป้องกันมะเร็งไม่ให้มายุ่งกับร่างกายของเรา

8. ใบย่านาง ประกอบไปด้วยคลอโรฟิลล์ ช่วยต้านการเกิดโรคเกาต์

9. ขมิ้น ช่วยลดการอักเสบ ปวดข้อ ปวดตัว ท้องอืด หรือ สมองเสื่อม

10. ข้าวเหนียวดำ  ช่วยบำรุงสมอง และช่วยล้างพิษ ข้าวอย่างอื่นที่มีคุณสมบัติคล้ายๆกันคือ ข้าวหอมนิล ข้าวมันปู ข้าวสังฃ์หยด ข้าวก่ำ เป็นต้น

อันตรายของกลูต้าไธโอน

เตือนภัยสำหรับผู้ที่อยากมีผิวขาวสวยทันใจ จึงต้องหันไปพึ่งการฉีดกลูต้าไธโอน

กลูตาไธโอน เป็นสารที่ร่างกายของเราๆสามารถผลิตขึ้นเองได้ แต่ก็ยังมีการนำกูลต้าไธโอนมาใช้ในทางความสวยความงาม เช่นการนำมาทำเป็นอาหารเสริมเพื่อผิวขาว ชะลอความแก่ เพราะ กลูต้าไทโอนมีฤทธิ์ยับยังเอมไซม์ “ไทไรซิเนส” ทำให้เม็ดสีผิวหนังเปลี่ยนจากผิวสี่น้ำตาล มาเป็นผิวขาว เหตุนี้จึงมีการลักลอบฉีดกลูต้าไธโอนกันอย่างแพร่หลาย ทั้งในสถานความงาม และ ตามคลีนิคทั่วไป

         อันตรายของกลูต้าไธโอน คือ

–   จะทำให้ความดันโลหิตต่ำ หายใจติดขัด ตัวบวมแดง เกิดอาการหอบหืดและอาการแพ้อย่างเฉียบพลัน และ ถ้าหากเข้ารับการรักษาไม่ทันอาจทำให้มีอันตรายถึงชีวิตเลยทีเดียว

–   ในการฉีดกลูต้าไธโอนในแต่ละครั้ง อาจใช้วิตามินซีฉีดผสมด้วย ซึ่งวิตามินซีที่ใช้มีความเป็นเข้มข้นสูงมาก ถ้าร่างการได้รับในปริมาณที่มากและเร็วเกินไป อาจทำให้หน้ามึด คล้ายจะเป็นลมได้

–   ถ้าร่างกายได้รับกูลต้าไธโอนเป็นเวลานานๆจะส่งผลต่อดวงตา ทำให้เม็ดสีที่จอตาลดลงส่งผลให้ความสามารถในการมองเห็นลดลง อีกทั้งยังส่งผลต่อกระบวนการเมททาบอลิซึ่มอีกด้วย

–   ตัวกลูต้าไธโอนเองจะสามารถกลายตัวเองเป็นอนุมูลอิสระได้ ถ้าได้รับในปริมาณมากๆ

คราวนี้เราก็รู้โทษของ “กลูต้าไธโอน” กันแล้วนะค่ะ สำหรับสาวๆหนุ่มๆท่านใดที่อยากมีผิวขาว แอดมินขอแนะนำว่า ให้หันมารับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ แค่นี้เราก็จะไม่ได้แค่สุขภาพผิวที่ดีแล้วเรายังได้สุขภาพร่างกายและใจที่ดีอีกด้วย  เพราะฉนั้นอย่าอยากสวยทางลัดกันเลยนะคะ อะไรที่ได้มาอย่างฉาบฉวย มักได้ผลตอบแทนที่สาหัสเสมอ มันไม่คุ้มกับการเสี่ยงเลยนะคะ ว่ามั้ย…

อันตรายจากการฉีดวิตามินซี

หลายคนคงสงสัยว่า เอาวิตามินซีสำหรับฉีดมาทาหน้าได้หรือไม่?

 

ฉีดวิตามินซี อันตรายไหม ?

สำหรับใครที่เคยซื้อวิตามินซีที่ไว้ใช้ฉีด นำมาใช้ทาหน้าเพื่อต้องการให้ผิวกระจ่างใสขึ้นนั้นคุณคิดผิด…แต่ก่อนที่จะไปเข้าเรื่องขอแนะนำสาวๆที่ชอบซื้อวิตามินซีมาฉีดเอง จงระวังเพราะบางครั้งหลอดที่คุณเห็นนั้นอาจจะไม่ได้ใช้สำหรับฉีด ถ้าฉีดเข้าไปรับรองปวดกล้ามเนื้อแน่นอน หรือใครที่ฉีดเข้าเส้นเลือดรับรองเลือดแข็งตัวตายแน่านอน!!!…ดังนั้นอย่ามั่วนะครับ

ส่วนเรื่องวิตามินซีสำหรับฉีดนั้น ถ้าเรียกชื่อสารเคมีคือ Ascorbic acid ซึ่งมันไม่สามารถซึมผ่านลงผิวหน้าได้นะครับ ดังนั้นทาไปก็ไม่เกิดประโยชน์ขึ้น โดยถ้าจะนำมาใช้กับผิวหน้า วิตามินซีต้องอยู่ในรูป ascorbyl palmitate, L-ascorbic acid เป็นต้นนะครับ

แต่หลายๆคนก็มักจะเถียงว่า ใช้แล้วหน้าขาวขึ้น…มันแน่นอน อยู่แล้ว เพราะชื่อมันก็บอกว่า Ascorbic acid มันก็คือกรดดีๆนี่เอง เมื่อใช้ทาหน้าแน่นอนหน้าต้องขาวขึ้น มันไม่ใช่ ครีมหน้าขาว ที่ได้รับการรับรองโดย อย. แต่ถ้าใช้ไปนานๆ หน้าพังไม่มีใครรับผิดชอบนะครับ

เครดิต Niruninter

วิตามิน ซี (Vitamin C)

วิตามิน ซี (Vitamin C)

วิตามินซี หรือ กรดแอสคอล์บิก เป็นวิตามินที่สามารถละลายได้ในน้ำ เป็นวิตามินประเภทที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยตนเอง จึงจำเป็นต้องรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และมีวิตามินผสมอยู่ หรือ อาจจำเป็นต้องรับประทานเข้าไปด้วยตนเอง

ประโยชน์ของวิตามิน ซี

– เป็นตัวสร้างคอลาเจน เพื่อสร้างเนื้อเยื่อต่างๆ ที่เป็นประโยชน์มีผลต่อ กระดูก และ ฟัน รวมถึงเส้นเลือดต่างๆ
– ช่วยรักษาอาการของแผลให้หายไวยิ่งขึ้น
– ช่วยให้การดูดซึมธาตุเหล็กของร่างกายดียิ่งขึ้น
– ป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ร่างกาย
– ช่วยแก้อาการเลือดออกตามไรฟัน
– ช่วยลดคอเลสตอรอลในเส้นเลือดให้ลดลง
– ช่วยลดอาการคลายเครียดสะสม
– หากได้รับการฉีดด้วยวิตามินซี ในปริมาณสูงอย่างถูกวิธีอาจป้องกันหรือช่วยยับยั้งการเกิดโรคมะเร็งได้อีกด้วย

อันตรายหากขาดวิตามิน ซี

หากขาดวิตามิน ซี อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายอย่างมาก อาทิเช่น การเกิดอาการอ่อนเพลีย หรือ รู้สึกอ่อนเพลียอยู่ตลอดเวลา , เบื่ออาหาร , เลือดออกตามไรฟัน, แผลหายช้าติดโรคได้ง่าย (เนื่องจากวิตามินซี มีส่วนช่วยในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย) นอกจากนี้อาจป็นโรคลักปิด ลักเปิดได้อีกด้วย

สรุป

การรับประทานวิตามินซี ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมเพราะหากได้รับในปริมาณที่มากจนเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย ท้องอืด ท้องเฟ้อได้ เพราะฉะนั้น ทางออกที่ดีที่สุดคือการหมั่นรับประทานอาหารอย่างถูกสุขลักษณะและครบ 5 หมู่เพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วนเพียงพอต่อร่างกายต้องการ เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณเอง

กลูต้าไธโอน (Glutathione)

กลูต้าไธโอน (Glutathione)

กลูต้าไธโอน เป็น tripeptides ของกรดอะมิโน 3 ชนิด คือ กรดกลูตามิค, ไกลซีน, ซิสทีน ที่เป็นสารที่ร่างกายของคนเราสามารถผลิตได้เองโดยธรรมชาติ และ มีในอาหาร ประเภท นม ไข่ อะโวคาโด มะเขือเทศ เป็นต้น ซึ่งกลูต้าไธโอน ถือเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระอย่างหนึ่ง ที่ช่วยชะลอความเสื่อมโสมของร่างกายให้แลดูสดชื่น สดใสอยู่สม่ำเสมอ ช่วยการขจัดสารพิษต่างๆ ออกจากตับ นอกจากนี้ กลูต้าไธโอน ยังมีส่วนช่วยในการรักษาในโรคชนิดต่างๆ หลากหลายชนิด อาทิเช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคตับ ภาวะเป็นหมันในชาย ซึ่งการรักษาด้วยการใช้ ยาหรือสารประเภท กลูต้าไธโอน นี้ยังมีผลข้างเคียงนั้นคือทำให้ผิวขาวอีกด้วย

หน้าที่หลักที่สำคัญของ กลูต้าไธโอน แบ่งออกเป็น 3 อย่างดังต่อไปนี้

1. เดทโทซิฟิเคชั่น  ช่วยในการสร้างเอนไซม์ชนิดต่างๆ ที่สำคัญของร่างกาย และ ยังช่วยในการขจัดสารพิษอีกหลายชนิด รวมถึงการป้องกันตับของร่างกาย ที่อาจถูกทำลายโดยแอลกอฮอล์ บุหรี่ การกินยาที่เกินขนาด ฯลฯ
2. แอนโทซิแดนท์ เป็นสารที่ต้านการเกิดปฏิกิริยาอ็อกซิเดชั่น
3. อิมมู เอนนเซอร์ ช่วยในการต่อต้านสิ่งแปลกปลอมของร่านกาย และ ยังช่วยสร้างหรือซ่อมแซม DNA อีกด้วย โดยนักวิทยาศาสตร์ของโลก วิจัยและค้นพบแล้วว่า ผู้ที่สูงอายุ หรือ มีอายุมากหลากหลายคน มักตรวจพบสารประเภทกลูต้าไธโอนในปริมาณที่มากในกระแสเลือด อีกด้วย

ซึ่งจากคุณสมบัติต่างๆ ทั้งหมดนี้ของ กลูต้าไธโอน จึงได้มีการอ้างอิงถึงของสถาบันเสริมความงาม คลินิคสุขภาพต่างๆ ที่กล่าวถึง กลูต้าไธโอน ในการบำรุงผิวพรรณมากมาย หากแต่ไม่มีการรับรองการรักษาหรือใช้สารชนิดนี้ด้วยการฉีดเข้าสู่กระแสเลือด พบเพียงการใช้ด้วยการรับประทานเพียงเท่านั้น

เนื้อหาเพิ่มเติม
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%98%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%99